Sunday, March 15, 2009

ลำดับ๔๙๘.สงครามลับของCIAในลาว(๑๐)

สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่ ๑๐ ท่านปรีดีแสดงความยินดีกับเอกราชของอินโดจีน

หลังจากสัญญาเจนีวาได้มีการลงนาม และประกาศให้ชาวโลกได้รับทราบกันแล้ว ต่อมาในวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ปีเดียวกัน ท่านปรีดี พนมยงค์ผู้สนับสนุนในการต่อสู้กู้เอกราชของประเทศพี่น้องอินโดจีนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งขณะนั้นท่านพำนักอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนในฐานะผู้ลี้ภัยการเมือง ได้เขียนบทความไปลงหนังสือพิมพ์เหยินหมินยึเป้า แสดงความชื่นชมยินดีในการที่อินโดจีนมีสันติภาพและมีเอกราช และต่อมาสถานีวิทยุกระจายเสียงปักกิ่งภาคภาษาไทยได้นำบทความนั้นไปอ่านออกอากาศ รายละเอียดว่าดังนี้

“ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่การประชุมเจนีวาได้ร่วมลงนามในสนธิสัญญาฟื้นฟูสันติภาพอินโดจีน นอกจากนี้ ข้าพเจ้าก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เวียดนาม ลาวและเขมรได้รับเอกราช อธิปไตยและสิทธิในการรวมประเทศ สิ่งเหล่านี้เป็นชัยชนะอีกครั้งหนึ่งของพลังสันติภาพ

ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลมาจากการต่อสู้ที่ได้หลั่งเลือดอุทิศชีวิตของราษฎรเวียดนาม ลาวและเขมร เพื่อเอกราชและเสรีภาพของประเทศ ราษฎรเวียดนามภายใต้การนำของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามโดยประธานาธิบดีโฮจิมินห์, ราษฎรลาวภายใต้การนำของรัฐบาลลาวต่อต้านโดยเจ้าสุภานุวงศ์, ราษฎรเขมรภายใต้การนำของรัฐบาลต่อต้านผู้รุกรานโดยชอนง็อกมิน ได้ดำเนินการต่อสู้เป็นเวลากว่า ๗ ปี ซึ่งทำให้ศัตรูผู้รุกรานประสบความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ด้วยเหตุนี้จักรวรรดินิยมผู้รุกรานกับพันธมิตร จึงจำต้องเข้าร่วมประชุมเจนีวา เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาอินโดจีนด้วยพลังผลักดันของสันติชนทั่วโลก(รวมทั้งพลังสันติชนฝรั่งเศส)

ด้วยคณะผู้แทนประเทศจีน ซึ่งมีโจวเอินไหลเป็นหัวหน้าคณะ ด้วยคณะผู้แทนสหภาพโซเวียต ซึ่งมีโมโตลอฟเป็นหัวหน้าคณะ ด้วยคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามที่มีฟามวันดงเป็นหัวหน้าคณะ ได้ใช้ความเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ขจัดขวากหนามต่างๆ ทั้งในที่ประชุมและนอกประชุมครั้งนี้จากจักรวรรดินิยมอเมริกา การประชุมเจนีวาจึงได้ตกลงสนธิสัญญาแห่งชัยชนะของสันติภาพ

การต่อสู้ที่ได้หลั่งเลือดพลีชีพของราษฎรเวียดนาม ลาวและเขมร อีกทั้งความพยายามอย่างสุดความสามารถของคณะผู้แทนประเทศจีน คณะผู้แทนแห่งสหภาพโซเวียต คณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ไม่เพียงนำมาซึ่งผลประโยชน์สู่ราษฎรอินโดจีนเท่านั้น หากได้นำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลสู่มนุษยชาติอีกด้วย สนธิสัญญาจากการประชุมเจนีวาได้ผ่อนคลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดส่วนหนึ่งในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดและทั่วโลก อันจะทำให้สันติภาพแห่งโลกมั่นคงอีกก้าวหนึ่ง

ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความนับถือและความขอบคุณมายังราษฎรเวียดนาม ลาวและเขมร ตลอดทั้งคณะผู้แทนประเทศจีนกับราษฎรจีน คณะผู้แทนสหภาพโซเวียตกับราษฎรโซเวียต คณะผู้แทนเวียดนามกับราษฎรเวียดนาม

แต่อย่างไรก็ดี ปัจจุบันนี้จักรวรรดินิยมอเมริกาและรัฐบาลปฏิกิริยาไทยกำลังปกครองประเทศไทยอยู่ ได้ใช้ดินแดนประเทศไทยเป็นฐานของการรุกรานอันเป็นการคุกคามสันติภาพ ก่อให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด พวกเขากำลังพยายามก่อตั้งสนธิสัญญาทางการทหาร ที่ในทางปฏิบัติแล้วก็เพื่อเป็นเครื่องมือรุกรานภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

ดังนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าราษฎรไทยมีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพลังสันติภาพ ส่งเสริมฐานแห่งสันติภาพให้ขยายกว้างยิ่งขึ้น เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในสัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับบรรดาประเทศในค่ายประชาธิปไตยและสันติภาพ

โดยเฉพาะสัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน สัมพันธภาพระหว่างประเทศไทยกับอินโดจีน ๓ ประเทศ อันเนื่องจากปฏิบัติการของจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาและเหล่าสมุนในประเทศไทย ความตึงเครียดดังกล่าวเหล่านี้ได้นำมหันตภัยมาสู่ราษฎรไทย ทำให้ราษฎรไทยต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งจากการขยายกำลังรบเพื่อเตรียมทำสงคราม ทั้งยังต้องพลีชีพตายแทนจักรวรรดินิยมอีกด้วย รัฐบาลปฏิกิริยาไทยได้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นตลาดการค้าภายใต้การควบคุมของจักรวรรดินิยมอเมริกา ส่งผลให้ราษฎรไทยมีชีวิตแร้นแค้น ข้าว ยางพารา และดีบุก อันเป็นสินค้าหลักของประเทศถูกกดราคาและหาตลาดส่งออกไม่ได้ แต่รัฐบาลไทยกลับไม่อนุญาตให้มีการค้าขายกับประเทศในค่ายประชาธิปไตย ทำให้จักรวรรดินิยมอเมริกากอบโกยผลประโยชน์จากราษฎรไทยตามอำเภอใจ

จักรวรรดินิยมอเมริกากับเหล่าสมุนในประเทศไทยดำเนินการโฆษณาหลอกลวง โดยอ้างว่าปัจจุบันมีความแตกต่างระหว่างระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยกับประเทศในค่ายประชาธิปไตย ทำให้ราษฎรไทยหลงเข้าใจผิดในเจตน์จำนงเพื่อสันติภาพของราษฎรจีน ราษฎรอินโดจีน อีกทั้งราษฎรในประเทศค่ายประชาธิปไตยและสันติภาพ ทำให้เกิดอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างราษฎรไทยกับราษฎรประเทศประชาธิปไตยและสันติภาพ

No comments: