Tuesday, March 17, 2009

ลำดับ๕๐๒.สงครามลับของCIAในลาว(๑๔)

สงครามลับของ CIA ในลาว
บทที่ ๑๔. เรื่องวุ่นๆในการขับนักหนังสือพิมพ์ต่างประเทศออกจากลาว

พฤษภาคม ๒๔๙๙ วิลเฟรด เบอร์เชตต์ นักหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรเลียเดินทางมายังเวียงจันทน์ เขาเข้าพักในโฮเต็ลเพียง ๒-๓ ชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบ แจ้งว่า ต้องการจะแก้ไขถ้อยคำในหนังสือเดินทาง “สักเล็กน้อย” และเมื่อคืนหนังสือเดินทางกลับมาให้ ถ้อยคำเล็กน้อยในหนังสือฯ มีว่า “ยกเลิก” เจ้าหน้าที่แจ้งเขาว่า จะต้องออกไปจากเวียงจันทน์ในทันที

เบื้องหลังของการยกเลิกหนังสือเดินทางครั้งนี้ มีทูตถึง ๓ ประเทศประท้วงไปยังรัฐบาลลาวให้ขับเขาออกไปจากลาว และสถานทูตอเมริกันได้กดดันผ่านทางที่ปรึกษา ตรงไปยังกรมตำรวจลาวให้ดำเนินการดังกล่าว

เรื่องที่เบอร์เชตต์ต้องถูกยกเลิกหนังสือเดินทางเข้าประเทศลาวครั้งนี้ ก็เนื่องจากว่า เขาเดินทางมาถึงเวียงจันทน์ในช่วงเวลาที่ท้าวกระต่ายต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชั่วคราว โดยเจ้าสุวรรณภูมากลับมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการสันนิษฐานว่าเพราะท้าวกระต่ายประสบความพินาศในทางทหารจากการนำกองทหารเข้ากวาดล้างกองทหารของขบวนการปเทดลาวที่ซำเหนือ-พงสาลี

ก่อนหน้านี้ ๒-๓ เดือน เบอร์เช็ตต์ได้เดินทางมาพบกับเจ้าสุภานุวงศ์และได้แวะไปกัมพูชา ไปสัมภาษณ์เจ้านโรดมสีหนุซึ่งบอกแก่เขาตรงไปตรงมาว่า กัมพูชาปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะเข้าไปอยู่ในอารักขาขององค์การ ซีอาโต้ (ที่ตั้งขึ้นในเดือนกันยายน ๒๔๙๗ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศไทย)ดังนั้นสหรัฐอเมริกาและบริวารย่อมคาดการณ์ได้ว่า การเดินทางมาเวียงจันทน์ในครั้งนี้ของเบอร์เซ็ตต์ก็คงจะมาสัมภาษณ์เจ้าสุวรรณภูมานายกรัฐมนตรีเพื่อให้ได้ถ้อยแถลงว่า รัฐบาลลาวปฏิเสธที่จะรับการคุ้มกันจาก ซีอาโต้แบบเดียวกับนโรดมสีหนุ หรือมิฉะนั้นเบอร์เซ็ตต์ก็เป็นผู้ถือสารจากเจ้าน้อง-สุภานุวงศ์มาถึงเจ้าพี่ ซึ่งจะทำให้การเจรจาสงบศึกได้คืบหน้าขึ้นไปอีก และอเมริกายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ไม่ว่าเบอร์เช็ตต์จะมีบทบาทจริงตามการสันนิษฐานของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อเขาเดินทางมาถึงเวียงจันทน์ อุณหภูมิภายในสถานทูตของประเทศสมาชิกซีอาโต้ก็สูงขึ้นอย่างผิดสังเกต ทั้งนี้เพื่อนของเขาคนหนึ่งได้เล่าให้เขาได้ทราบในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสถานทูตอเมริกันวุ่นวายขนาดหนัก

เบอร์เซ็ตต์เดินมาถึงลาวในวันเสาร์ซึ่งมีงานเลี้ยงรับรองทางการทูตในตอนกลางคืน อุปทูตอเมริกันได้เข้าพบท้าวกระต่ายในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวยืนกรานให้ขับเบอร์เซ็ตต์ออกไปจากลาว แต่โชคชะตาไม่ได้เป็นใจให้สหรัฐฯ

เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ภรรยาผู้แทนแคนาดาคนหนึ่งซึ่งเป็นกรรมการควบคุมสงบศึกได้ขอให้ท้าวกระต่ายลองขี่ม้าของนาง และเนื่องจากท้าวกระต่ายไม่อยากจะยอมรับว่าตนไม่ใช่นักขี่ม้าชั้นเยี่ยม จึงไม่รีรอใดๆ พอคว้าบังเหียนได้ก็เอาเท้าเหยียบโกลนโหนตัวจะขึ้นหลังม้า ทันใดนั้นเองก็พลัดตกลงมาจากหลังม้า ม้าก็ออกควบไปลิ่วโดยมีเท้าข้างหนึ่งของท้าวกระต่ายติดอยู่บังโกลน ท้าวกระต่ายที่ได้รับความบอบช้ำทั้งร่างกายและความกำแหงหาญของตนเองจึงหลบไปนอนที่บ้านเดิมของตนในปากเซ ทางใต้

ระหว่างนั้นบังเอิญไม่มีเครื่องบินที่จะออกจากเวียงจันทน์ เบอร์เซ็ตต์จึงยังคงอยู่ในเวียงจันทน์ เมื่อถึงเช้าวันจันทร์เบอร์เซ็ตต์เดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศลาว อุปทูตอเมริกันโทรศัพท์ไปยังกระทรวงการต่างประเทศลาวขอให้ขับเบอร์เซ็ตต์ออกไปอย่างเป็นทางการ แต่“คำสั่ง” ของอุปทูตอเมริกันถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เจ้าหน้าที่ทางลาวชี้แจงกับเบอร์เซ็ตต์ว่าเป็นการเข้าใจผิดกันแท้ๆ เจ้าหน้าที่ผู้ยิ้มแย้มก็ได้แก้ไขวีซ่าให้เบอร์เซ็ตต์อยู่ในลาวได้

เบอร์เช็ตต์จึงได้ไปสัมภาษณ์เจ้าสุวรรณภูมานายกรัฐมนตรีผู้ซึ่งได้กล่าวปฏิเสธที่จะให้ลาวอยู่ภายใต้การคุ้มกันขององค์การซีอาโต้โดยไม่ลังเล และเจ้าพี่ยังได้สอบถามถึงสุขภาพของเจ้าน้องสุภานุวงศ์ และแสดงความหวังว่าการเจรจาสงบศึกจะดำเนินต่อไปอีกภายในเร็วๆวันนี้

No comments: