Monday, March 23, 2009

ลำดับ๕๑๕.แหกคุกโพงเค็งบันลือโลก(๓)

บทที่ ๓ โน้มน้าวใจผุ้คุมใจหิน

เรื่องสภาพความเป็นอยู่ภายในคุกโพนเค็งนั้น เจ้าสุภานุวงศ์ได้ให้สัมภาษณ์แก่วิลเฟรด เบอร์เช็ตต์ในภายหลังไว้ว่า “เราถูกห้ามไม่ให้พูดจากัน ถูกห้ามไม่ให้อ่านหนังสือ กระดาษมีอย่างเดียวคือกระดาษชำระ นอกจากนี้ยังถูกค้นตลอดเวลา ไม่เคยได้ข่าวอะไรเลยนอกจากทางเครื่องขยายเสียงซึ่งส่งเสียงดูหมิ่นและข่มขู่คุกคามพวกเรา แม้แต่เมื่อเจ้าเพชรราชพี่ชายคนหัวปีของผมตายลง ผมขออนุญาตไปร่วมพิธีศพก็ยังถูกปฏิเสธ เมื่อเจ้าพี่สุวรรณภูมาต้องการพบผม ทีแรกยังถูกปฏิเสธแต่ผลที่สุดก็ยอมให้ เพราะท่านเป็นเอกอัครราชทูต—แต่พวกผู้คุมก็เอาเครื่องบันทึกเสียงมาตั้งไว้ตรงหน้าให้เห็นๆกัน เจ้าพี่บอกว่าอยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ได้ และผมเองก็ถูกปฏิเสธไม่ยอมให้ไปในงานพิธีศพอยู่นั่นเอง”

เจ้าสุภานุวงศ์ยังกล่าวให้เบอร์เช็ตต์ฟังต่อไปอีกว่า

“สำหรับผู้คุมนั้น เราได้สารวัตรทหารหน่วยที่เป็นปฏิกิริยาที่สุด-ได้รับการฝึกอบรม,ติดอาวุธและชำระเงินโดยพวกอเมริกัน พวกนี้ถูกเลือกเฟ้นมาเป็นพิเศษและก็ได้รับการอบรมบ่มสอนมาเป็นพิเศษด้วย เป็นพวกเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับพวกเรา นำอาหารมาให้แล้วก็เก็บกลับไป จับจ้องดูพวกเราอย่างใกล้ชิด ได้รับคำสั่งห้ามไม่ให้พูดจากับเราแม้แต่คำเดียวและก็รับอะไรจากเราไม่ได้เลย ถ้าเราส่งบุหรี่ให้ก็จะถูกขว้างลงกับพื้น ถ้าเราเอ่ยอะไรขึ้นก็เอามืออุดหู แต่เราก็ยังพยายามจะเอาชนะใจให้จงได้”

“เราไม่อาจจะติดต่อร่วมมือกันได้เลย เพียงแต่สบตากันหรือเขียนข้อความเล็กๆน้อยๆ บนกระดาษชำระแล้วทิ้งลงกับพื้นเท่านั้นเอง แต่พวกเราก็ยังพยายามที่จะระบุออกไปให้เป็นที่ทราบระหว่างกันว่า คนไหนในหมู่ผู้คุมที่เราจะเอาชนะได้อย่างแน่นอนที่สุด ในการอธิบายนโยบายของเราให้เขาฟัง ผมพยายามพูดกับเขาถึงความไม่มีคุณธรรมของพวกนายๆของเขา, ความโหดร้ายที่พวกเขามีต่อประชาชน, ท่าทีแอนตี้ผู้รักชาติของบรรดาผู้ที่ขายตัวให้แก่ดอลล่าร์ ส่วนพวกเราทำเพื่อประชาชน เพื่อประชาชนนี้เองเราจึงได้เสียสละ ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมาอยู่ในคุก ผลประโยชน์ของเรานั้นไม่มีอะไรที่จะเป็นไปเพื่อตัวเราเองเลย ไม่มีอะไรได้เป็นส่วนตัว เราต้องการช่วยประชาชนลาวทั้งชาติรวมทั้งพวกผู้คุมด้วย

ด้วยเหตุนี้เราจึงสมัครใจที่จะมีชีวิตอยู่ในความยากลำบาก, มีชีวิตเต็มไปด้วยอันตรายในป่าดงพงไพรหลายต่อหลายปีมา เราต่อสู้เพื่อเอกราชที่แท้จริงของประเทศของเรา แต่พวกเขาเล่า รับใช้ใคร? ชาวต่างชาติที่ต้องการเอาลาวลงเป็นทาสและพวกทุจริตคอร์รัปชั่นที่ขายตนเพื่อดอลล่าร์…”

ระยะแรกๆ เจ้าสุภานุวงศ์บอกว่า เหมือนพูดกับกำแพงหรือห้องขังเปล่าๆ “ครั้งแรกที่รู้ว่าเราเข้าถึงจิตใจของเขาแล้วก็เมื่อผู้คุมคนหนึ่งกลับมาบอกว่า เขาได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเรามาแล้ว รับรองกับทางครอบครัวว่าพวกเราสบายดี แล้ววันหนึ่ง ผู้คุมคนนั้นก็มาที่ห้องผม นำอาหารมาให้ นิ้วของเขาสัมผัสกับนิ้วของผมใต้ถาด เขาซื้อหนังสือพิมพ์มาให้ผมด้วยเงินของเขาเอง แล้วต่อจากนั้น ผู้คุมทุกคนก็ค่อยๆ ช่วยเหลือพวกเรายิ่งขึ้น…”

No comments: