Monday, March 2, 2009

บทความที่๔๕๔.การอภิวัฒน์ของประชาชนลาว(๓)

การอภิวัฒน์ของประชาชนลาว
บทที่ ๓ คณะกู้อิสรภาพ
 
ในเดือนมิถุนายน ๒๔๗๕ ได้มีการอภิวัฒน์ประชาธิปไตยในแนวคิดแบบเดียวกับการอภิวัฒน์สังคมของฝรั่งเศส โดยคณะราษฎรอันมีหลวงประดิษฐ์ มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์)และผองเพื่อนนักเรียนไทยในฝรั่งเศสเป็นกลุ่มแกนนำ การอภิวัฒน์สังคมไทยดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ผู้รักชาติในดินแดนอินโดจีนมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สังคมให้มีอิสรภาพ มีความเสมอภาค และมีภราดรภาพ รวมทั้งมีความเป็นเอกราชจากการปกครองของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส

ในช่วงนี้ แนวความคิดชาตินิยมและการเป็นประเทศเอกราช มีความเป็นประชาธิปไตยได้ก่อตัวขึ้นทั้งในหลวงพระบาง เวียงจันทน์ ท่าแขก และสะหวันนะเขด โดยมีเจ้าเพ็ดชะลาดเป็นผู้นำ แนวคิดดังกล่าวขยายตัวออกไปยังคนรุ่นใหม่อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าแขวงต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับเจ้าเพ็ดชะลาด และในหมู่นักเรียนโรงเรียนออกุส ปาวี ที่มีปฏิกิริยาคัดค้านอำนาจปกครองของฝรั่งเศส

ปี พ.ศ.๒๔๘๓ เกิดกรณีพิพาทระหว่างฝรั่งเศส-ไทย ส่งผลให้การเดินเรือในลำน้ำโขงต้องหยุดชะงักลง เจ้าเพ็ดชะลาดได้ควบคุมดูแลการสร้างถนนหมายเลข ๑๓ โดยเอานักโทษในคุกเมืองเวียงจันทน์ไปทำทาง ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงระยะนี้อยู่ในภาวะตึงเครียด เนื่องจาฝรั่งเศสเพ็งเล็งไทยด้วยความไม่พอใจว่า ให้การสนับสนุนช่วยเหลือขบวนการกู้เอกราชภายใต้การนำของเจ้าเพ็ดชะลาด อีกทั้งยังมีปัญหาพิพาทเรื่องพรมแดนฝั่งซ้าย-ฝั่งขวาแม่น้ำโขง จนเกิดกรณีขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และนำไปสู่การปะทะสู้รบในช่วงระหว่างปี พ.ศ.๒๔๘๓-๒๔๘๔ ต่อมาญี่ปุ่นได้เสนอตัวเข้ามาไกล่เกลี่ยจนสามารถยุติการสู้รบได้ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ 

ขณะที่กระแสแนวคิดชาตินิยมได้แพร่หลายอยู่ในอินโดจีน ขบวนการกู้เอกราชได้ก่อตัวขึ้นและขยายตัวออกไปตามเมืองต่างๆ  แล้วในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ กองทัพญี่ปุ่นก็ได้เคลื่อนกำลังทหารจากกองทัพที่ ๑๕ ผ่านชายแดนกัมพูชามายังกรุงเทพฯ โดยก่อนหน้านี้ในเช้าวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ ญี่ปุ่นส่งกำลังทหารขึ้นบกในจังหวัดริมทะเลต่างๆ ของไทยในหลายจุดด้วยกัน คือ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร บ้านดอน นครศรีธรรมราช สงขลาและปัตตานี

ในช่วงนั้นบรรดาผู้รักชาติชาวลาวส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ภายใต้ร่มธงของ “คณะกู้อิสระพาบ” (ก.อ.พ.) ที่เจ้าเพ็ดชะลาดได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๘๔ องค์กรแห่งนี้มีบทบาทอย่างสำคัญในการรณรงค์เคลื่อนไหวทั้งในกรุงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง ท่าแขก และสะหวันนะเขด เพื่อเผยแพร่แนวคิดการต่อสู้กู้เอกราชและสถาปนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตยตามแนวทางการอภิวัฒน์ของฝรั่งเศสที่มุ่งเน้นในหลักแห่งอิสรภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ

กองทัพญี่ปุ่นเริ่มแสดงแสนยานุภาพทางทหารให้ปรากฏในดินแดนของประเทศต่างๆ แถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อชักจูงให้เข้ามาร่วมตามแนวนโยบาย “การร่วมวงไพบูลย์มหาเอเชียบูรพา” ภายใต้คำขวัญ “เอเชียเพื่อชาวเอเชีย” อำนาจทางทหารของฝรั่งเศสก็ลดน้อยลงเป็นลำดับ

ในปลายปี พ.ศ.๒๔๘๔ เจ้าเพ็ดชะลาดได้ตามเสด็จเจ้าสีสว่างวงไปรับเอาแขวงเวียงจันทน์จากฝรั่งเศส ต่อมาไปยังแขวงเชียงขวางเพื่อรับมอบเมืองพวนจากฝรั่งเศส แล้วชักธงล้านช้างร่มขาวของลาวขึ้นคู่เคียงธงชาติฝรั่งเศสที่หน้าอาคารผู้สำเร็จราชการฝรั่งเศสประจำหัวเมืองลาว

ช่วงเวลานั้น กระแสแนวความคิดชาตินิยมได้แผ่ขยายออกไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอาณานิคมต่างๆ ทั้งในทวีปเอเซียและแอฟริกา กรณีของลาว ขบวนการชาตินิยมได้ก่อตัวเป็นปึกแผ่นพร้อมกับขยายแนวคิดที่จะปลดปล่อยประเทศไปสู่อิสรภาพ พ้นจากการเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศส จุดมุ่งหมายที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของประชาชนลาวทั้งประเทศ ก็คือ การมีเอกราช อิสรภาพ และอธิปไตยโดยสมบูรณ์ภายใต้อุดมการณ์ร่วมกันของทุกๆฝ่าย ดังที่เรียกขานกันในประเทศลาวว่า “ลัทธิฮักชาติ”

เจ้าเพ็ดชะลาดผู้นำ “คณะกู้อิสระพาบ” ตระหนักดีว่า ในการดำเนินความพยายามเพื่อประกาศเอกราชของลาว ประการแรกสุดต้องสร้างความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติให้ได้ ภายใต้บริบทของสังคมลาวในยุคนั้นที่เรียกว่า “ลัทธิฮักชาติ” และเพื่อให้บรรลุผลในด้านปฏิบัติต้องมีการผสานความร่วมมือของกลุ่มผู้รักชาติต่างๆ อย่างแข็งขัน ทั้งในเวียงจันทน์ หลวงพระบาง เชียงขวาง และเมืองอื่นๆ ในภาคใต้

No comments: