Monday, March 23, 2009

ลำดับ๕๑๓.แหกคุกโพนเค็งบันลือโลก(๑)

แหกคุกโพงเค็งบันลือโลก

ความเดิม
ปลายปี ๒๕๐๐ รัฐบาลแห่งชาติซึ่งประกอบด้วยฝ่ายราชอาณาจักรและฝ่ายแนวลาวรักชาติ(ปเทดลาว)ได้ถูกตั้งขึ้นแม้ว่าจะถูกสหรัฐอเมริกาเตะถ่วงด้วยเหตุต่างๆนานาแต่ก็หยุดยั้งการรวมชาติในครั้งนี้ไม่ได้ ประชาชนลาวทั้งประเทศมีความปีติยินดี ที่ประเทศชาติจะสุขสงบมีเอกราชอย่างสมบูรณ์เสียที แต่วิบากกรรมของประชาชนลาวยังไม่สิ้นสุดลงโดยง่าย เพราะพลังปฏิกิริยาในลาวที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาได้เคลื่อนไหวทำให้รัฐบาลผสมนี้เป็นอัมพาตทำงานไม่ได้และบีบให้เจ้าสุวรรณภูมานายกรัฐมนตรีต้องลาออกในเดือนกรกฎาคม ๒๕๐๑

ต่อมาในวันที่ ๑๘ สิงหาคม ปีนั้นเอง ผุย ชนะนิกร ลูกสมุนตัวสำคัญของ ซีไอเอ ได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลราชอาณาจักรโดยกีดกั้นไม่มีตัวแทนของฝ่ายแนวลาวรักชาติเข้าร่วมรัฐบาลซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนการนานนับปีของสหรัฐอเมริกาที่มุ่งมั่นจะโค่นล้มรัฐบาลผสมที่มีฝ่ายแนวลาวรักชาติเข้าร่วมเมื่อปลายปี ๒๕๐๐ ให้จงได้และมาสำเร็จเอาในเดือนกรกฎาคม ๒๕๐๑ นั่นเอง ดังที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๐ ว่า “สหรัฐอเมริกาถือว่า ความสัมพันธ์กับคอมมิวนิสต์นั้นเป็นแนวทางที่อันตราย…ด้วยเหตุนั้น การขยายตัวของสถานการณ์ในลาวได้ทำให้สหรัฐอเมริกากังวลใจอย่างยิ่ง”

ต้นปี ๒๕๐๒ รัฐบาลผุย ชนะนิกรออกกฎหมายปราบปรามคอมมิวนิสต์เพื่อเข่นฆ่าประชาชนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล และประกาศไม่ยอมรับสัญญาสงบศึกเจนีวาเมื่อปี ๒๔๙๗ โดยกล่าวว่าสัญญาเจนีวาไม่อาจใช้ในลาวได้อีกต่อไป ต่อจากนั้นในเดือนพฤษภาคม ๒๕๐๒ ท้าวผุย ได้สั่งกองทหารจำนวนมากเข้าปิดล้อมกองพันที่ ๑ และที่ ๒ ของฝ่ายปเทดลาวที่ตั้งอยู่ที่เชียงเงินและทุ่งไหหินตามลำดับ

จากนั้นในวันรุ่งขึ้นคือ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ได้กักบริเวณเจ้าสุภานุวงศ์และคณะให้อยู่แต่ในบ้านพักรับรองเท่านั้น แต่เมื่อถึงคืนของวันที่ ๑๗ พฤษภาคม กองพันที่ ๑ และกองพันที่ ๒ ของฝ่ายปเทดลาวที่ถูกกองทหารฝ่ายราชอาณาจักรปิดล้อมไว้ด้วยจำนวนทหารมากมายได้แอบหลบหนีออกมาจากค่ายและเดินทางด้วยการหลบซ่อนพรางตัวจนไปถึงฐานที่มั่นของตนที่ซำเหนือ พวกปฏิกิริยานิยมอเมริกาได้เป็นเดือดเป็นแค้นที่สุด ที่ถูกหยามหน้าเช่นนี้ -โปรดอ่านรายละเอียดใน
http://socialitywisdom.blogspot.com/2009/03/cia_4292.html

บทที่ ๑ ประชุมจัดตั้งหน่วยพรรค

วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๐๒ ฝ่ายรัฐบาลราชอาณาจักรได้ทำการจับกุมเจ้าสุภานุวงศ์และผู้นำอื่นๆของแนวลาวรักชาติ

ห้องขังที่ใช้กักขังเจ้าสุภานุวงศ์และคณะดัดแปลงมาจากคอกม้า จำนวน ๒๒ ห้องแต่ละห้องยาวประมาณ ๓ เมตรกว้างประมาณ ๒ เมตร ประตูหน้าต่างมีลูกกรงเหล็ก ภายในห้องนอกจากเตียงนอนแล้วยังมีโต๊ะตัวเล็ก เพื่อตั้งกินข้าวและเก้าอี้อีกตัวหนึ่งสำหรับนั่งกินข้าว พื้นห้องขังปูด้วยอิฐ เพดานทำด้วยไม้แน่นหนา มีไฟฟ้าหนึ่งดวง ที่หน้าห้องขังมีลานเดินถึงกัน และที่สุดลานเป็นประตูใหญ่ทางเข้าออกซึ่งมีกุญแจแข็งแรง ในเรือนขังจึงใส่กุญแจสองชั้น คือใส่ห้องขังแต่ละห้องแล้วยังใส่ที่ประตูใหญ่ทางเข้าออก

ท่านสุภานุวงศ์ถูกขังไว้ในห้องขังที่ ๔ ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องเตรียมอาหารและห้องน้ำ ห้องขังเจ้าสุภานุวงศ์ก็เช่นเดียวกับห้องขังสหายท่านอื่นๆ การที่ผุย ชนะนิกรจัดห้องขังให้มีเครื่องอำนวยความสะดวกดังนี้ก็เพื่อให้ผู้ถูกคุมขังสบายใจในความเป็นอยู่และไม่คิดหลบหนี และนอกจากนั้นก็เพื่อกันข้อครหาของมวลชน ภายหลังที่จับเจ้าสุภานุวงศ์และสหายอื่นๆ แล้ว ผุยได้พูดเย้ยหยันว่า

“ได้เอาพวกเขาไปไว้ที่อาคาร ไม่ใช่ในคุก” และยังพูดต่ออย่างนักเลงโตว่า

“เรื่องจับตัวเจ้าสุภานุวงศ์ ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”

ในวันรุ่งขึ้นหลังถูกจับกุม บรรดาสหายที่เป็นกรรมการประจำของศูนย์กลางพรรคที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ได้มีการประชุมกันเพื่อพิจารณาสถานการณ์ จากบันทึกความทรงจำของสหายภูมี วงศ์วิจิตร มีว่า

“สหายหนูฮัก ภูมิสวรรค์ ได้สรุปความเห็นของที่ประชุมและชี้ออกมาว่า ผุย ชนะนิกร ปฏิบัติตามคำสั่งของสหรัฐอเมริกา ได้จับพวกเรามาขังคุกแล้ว เป็นที่แน่ว่าการปราบปรามพวกแนวลาวรักชาติจะต้องรุนแรงขึ้นกล่าวเก่า…พวกเราต้องมั่นคงและเชื่อมั่นในแนวทางอันถูกต้องของพรรคเรา เดี๋ยวนี้พวกเราต้องจัดตั้งหน่วยพรรคและวางแผนการดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกคนเห็นดีให้สหายหนูฮัก ภูมิสวรรค์ เป็นเลขาหน่วยพรรคและหัวหน้าคณะรับผิดชอบการคุ้มครองสหายสุภานุวงศ์ออกจากคุกแห่งนี้ โดยมีสหายสุภานุวงศ์ สหายภูมิ ศรีประเสริฐและเรา(สหายภูมี วงศ์วิจิตร)เป็นกรรมการหน่วยพรรค”

ต่อจากนั้นบรรดาผู้ที่ถูกคุมขังได้รับการจัดตั้งเป็นหน่วยๆ สหายสุภานุวงศ์รับผิดชอบหน่วยซึ่งประกอบด้วยสหายมา ไขคำพิทูน สหายหมื่น โสมวิจิตร และสหายสิงกะโป สีโคตรจุนนะมาลี หน่วยทุกหน่วยมีหน้าที่ทำงานอุดมการณ์ เกลี้ยกล่อมให้การศึกษาแก่พวกทหารที่มาอยู่เวรยามในคุก การเคลื่อนไหวต่างๆ ในขณะนั้นปิดลับหมด การติดตามข่าวคราวนี้ได้ทำอย่างปิดลับ รู้เฉพาะแต่ในคณะของหน่วยพรรคหรือในคณะของเลขาหน่วยพรรคเท่านั้น และมีหน่วยหนึ่งทำหน้าที่แจ้งข่าวที่ควรรู้ให้ทุกคนรู้ เพื่อไปปฏิบัติให้ถูกต้อง

No comments: