Thursday, March 12, 2009

ลำดับ๔๘๔.ลาวในสงครามอินโดจีน(๔)

การต่อสู้ของลาวในสงครามอินโดจีน
บทที่๔ เจ้าสุภานุวงศ์บาดเจ็บสาหัส

ทหารฝ่ายอภิวัฒน์ลาวบางพวกยังต่อสู้กระจายเป็นจุดๆตามถนนหนทาง และใช้บ้านเรือนเป็นที่กำบัง บางพวกลอยคอข้ามโขง ขณะเจ้าสุภานุวงศ์ลงเรือยนต์มาถึงกลางลำน้ำโขงทันใดนั้นเครื่องบินขับไล่ลำหนึ่งจิกหัวลงมายิงกราดใส่เรือยนต์ กระสุนปะทะเข้าร่างของท่านจนสลบไปขณะที่ทหารคุ้มกันจำนวนหนึ่งเสียชีวิตและจำนวนหนึ่งบาดเจ็บ เครื่องยนต์ของเรือลำนั้นถูกกระสุนเจาะจนพังจอดลอยตามยถากรรมอยู่กลางโขง

สหายสิงกะโป สีโคตรจุนนะมลิ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งกระนั้นไว้ว่า เมื่อเขาได้ข้ามโขงไปถึงฝั่งไทยก่อนแล้ว ก็ได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งว่ายน้ำไปยังเรือยนต์ของเจ้าสุภานุวงศ์และช่วยกันลากจูงเข้ามาฝั่งไทย

เจ้าสุภานุวงศ์ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมืองนครพนม โดยมีแพทย์ส่วนตัวที่หนีภัยมากจากท่าแขกและและนายแพทย์ของไทยช่วยกันเยียวยารักษาอย่างใกล้ชิด ท่านจึงรอดชีวิตจากบาดแผลอันสาหัสสากรรจ์ได้ ต่อมาภายหลังเนิ่นนานหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น สหายสีชนะ สีสานได้ถามเจ้าสุภานุวงศ์ว่า “รู้สึกอย่างไรเมื่อถูกยิงในคราวนั้น” ท่านตอบว่า “รู้สึกหน้ามืดแล้วล้มลงใส่แคมเรือ พอรู้สึกตัวก็เห็นเลือดไหลออกมาทางหน้าอกเบื้องซ้าย ในขณะนั้นก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดปานใด จิตใจก็ยังมีสติดีอยู่ และถือว่าถ้าตายก็ไม่เป็นไร เพราะตายเพื่อประเทศชาติ”

ภายหลังที่เจ้าสุภานุวงศ์ได้ข้ามโขงไปแล้ว การสู้รบกันระหว่างทหารปฏิวัติกับพวกทหารฝรั่งเศสก็ยังมีอยู่กลางเมือง มีการสู้รบที่ดุเดือดของฝ่ายอภิวัฒน์ลาวที่บุกฝ่าไปกลางตลาดเมืองท่าแขก ซึ่งซากศพแต่ตอนเช้ายังเกลื่อนกราดอยู่ ทหารบางส่วนตีฝ่าแนวข้าศึกแล้วถอยเข้าป่าไปได้ พวกกองทหารฝรั่งเศสที่บุกเข้ามาถึงริมฝั่งโขงได้พากันยิงกราดเข้าใส่ฝูงชนที่ยังค้างอยู่ริมฝั่งโขง ซากศพของทหารและประชาชนถูกลากทิ้งลงน้ำโขง ขณะเดียวกับที่ทหารกองอื่นๆทำการกวาดล้างและยิงทุกๆคนที่หลบซ่อนอยู่ตามบ้านเรือนและหลุมหลบภัย  ๑๖ น.การสู้รบเบาบางลง แต่เสียงปืนกล ปืนเล็กยาวและเสียงระเบิดมือยังคงดังอยู่เป็นระยะๆตลอดคืนอันโหดร้ายและยาวนาน

ฝ่ายลาวสูญเสียทหารและประชาชนไปประมาณ ๓,๐๐๐ กว่าคน ซากศพกว่า ๓๐๐ ร่างยังระเนระนาดอยู่ในตัวเมือง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ถูกเครื่องบินขับไล่ยิงตายอยู่กลางลำน้ำโขง

การสู้รบที่ท่าแขกปิดฉากลงในวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๔๘๙ นั้นเอง แต่การต่อต้านจักรวรรดินิยมฝรั่งเศสก็จะยังคงดำเนินต่อไป.

No comments: