Friday, February 27, 2009

บทความที่๔๔๙.ลัทธิสังคมนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ล้าสมัยและล่มสลาย?(จบ)

ลัทธิสังคมนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์ล้าสมัยและล่มสลาย?
(จากหนังสือของคุณสุพจน์ ด่านตระกูล ปี 2541)

ในระบบสังคมนิยม เครื่องกีดขวางระหว่างคนงานชนชาติต่างๆ จะถูกกวาดล้างไป ไม่มีชนชาติหนึ่งที่จะตกอยู่ภายในบังคับของชนอีกชาติหนึ่ง ไม่มีใครจะได้รับการเชิดชูให้สูงขึ้นหรือถูกกดให้ต่ำลงเพราะเหตุแห่งผิวกายหรือสัญชาติของเขา กลุ่มชนต่างๆจะได้รับความช่วยเหลือในการจำเริญทรัพยากรทางเศรษฐกิจ พร้อมด้วยการจำเริญจารีตทางศิลปกรรมและวรรณกรรมของชาติ ในระบบสังคมนิยมจึงไม่มีปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าวและไม่กลัวเรื่องแรงงานต่างด้าว เพราะในระบบสังคมนิยมมีแต่เรื่องของมนุษยชาติผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน

ในระบบสังคมนิยม ประชาธิปไตยจะไม่จำกัดอยู่แต่เพียงการสมัครรับเลือกตั้ง หรือออกเสียงเลือกตั้งผู้แทนราษฎรเข้าไปนั่งในสภาทุก ๔ ปี หรือกี่ปีก็ตาม หากแต่ประชาธิปไตยจะขยายตัวแผ่คลุมไปตามโรงงานทุกโรงงาน ไปตามอาคารที่อยู่อาศัยทุกอาคาร และแผ่คลุมไปในชีวิตทุกด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม

ความแตกต่างในภาวะความเป็นอยู่ระหว่างเมืองและชนบทจะถูกเลิกล้มให้หมดไป พวกคนงานตามหมู่บ้านจะเรียนรู้ในการใช้เครื่องจักร และเพิ่มฝีมือในการทำงานของเขาให้ขึ้นสู่ระดับเดียวกับฝีมือของคนงานในเมือง ความสะดวกในการศึกษาและการจำเริญวัฒนธรรม ซึ่งแต่เดิมจะหาได้แต่ในเมืองเท่านั้น ก็จะได้แผ่ขยายไปตามตำบลชนบทโดยทั่วถึง

ยิ่งไปกว่าสิ่งใดๆ ก็คือ ความคิดจำพวกที่มุ่งหมายจะแสวงหาสิ่งต่างๆ มาบำรุงบำเรอความสุขของตนแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนอันจะบังเกิดขึ้นแก่สังคมโดยการกระทำของตน ซึ่งเป็นลักษณะความคิดที่เศรษฐกิจทุนนิยมได้เพาะขึ้นไว้ในสังคมแต่เดิมมานั้น จะถูกขจัดให้หมดสิ้นไปและจะมีความคิดในรูปที่เป็นความคิดเผื่อแผ่แก่สังคม คือความคิดที่มีความสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคมเข้ามาแทนที่ ดังที่นักวิทยาศาสตร์สังคมผู้เรืองนามได้กล่าวไว้ว่า “แรงงานจะไม่ถูกถือว่าเป็นแต่เพียงเครื่องมือเพื่อการยังชีพเท่านั้น หากจะต้องถือว่าแรงงานนั้นเป็นสิ่งจำเป็นประการแรกที่ชีวิตจะขาดเสียมิได้”

ท่านนักวิทยาศาสตร์สังคมผู้เรืองนามได้กล่าวต่อไปว่า เมื่อใดที่ระบบสังคมนิยมได้แผ่ปกคลุมไปทั่วโลก เมื่อนั้นย่อมหมายถึงการสิ้นสุดของสงคราม เพราะเมื่อผลิตกรรมและวิภาคกรรมในทุกประเทศได้ถูกจัดตั้งขึ้นตามหลักเกณฑ์ของสังคมนิยมแล้ว ก็จะไม่มีบุคคลกลุ่มใดในประเทศใดๆ ที่จะได้รับผลประโยชน์แม้แต่น้อยในการรบชนะประเทศอื่นๆ

ในทางกลับกัน การที่ประเทศทุนนิยมประเทศใดประเทศหนึ่งปราบประเทศที่ล้าหลังให้ตกอยู่ใต้อำนาจของตน ก็เพื่อจะขยายเศรษฐกิจทุนนิยมให้แผ่กว้างออกไป เพื่อที่จะบุกเบิกช่องทางใหม่ๆ สำหรับกลุ่มทุนฝ่ายการเงินจะได้ส่งทุนออกไปแสวงผลกำไร เพื่อที่จะได้แหล่งวัตถุดิบแหล่งใหม่ในราคาถูก และเพื่อจะได้ตลาดใหม่ในการขายสินค้า

แต่สำหรับประเทศสังคมนิยมที่ก้าวหน้าในงานอุตสาหกรรมอย่างอดีตสหภาพโซเวียตนั้น การที่จะใช้กำลังอาวุธปราบปรามประเทศที่ล้าหลัง จะเป็นสิ่งที่น่าขบขันทีเดียว เพราะว่าการที่จะขยายระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมเข้าไปยังประเทศที่ล้าหลังโดยการสงครามนั้น ย่อมหมายถึงว่า เป็นการลดมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในประเทศสังคมนิยมที่ก้าวหน้านั่นเอง(เพราะว่าต้องนำเงินไปทุ่มในสงคราม)

ประเทศที่ได้สถาปนาระบบสังคมนิยมขึ้นแล้วนั้นจะไม่ก่อสงครามรุกรานเป็นอันขาด เพราะว่าประเทศสังคมนิยมหรือกลุ่มชนกลุ่มใดในประเทศสังคมนิยมนั้น จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากสงครามเลย และนี่ไม่ใช่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องศีลธรรมอันใด แต่หากเกี่ยวกับปัญหาของรูปธรรมดังกล่าวมาแล้ว

ซึ่งต่างกับประเทศแห่งสังคมทุนนิยม อันมีกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มนายทุน เป็นผู้มีส่วนได้เสียอย่างสำคัญ หากสงครามเกิดขึ้น และสงครามก็ย่อมจะเกิดขึ้นเพราะการผลักดันเร่งเร้าอันหื่นกระหายของกลุ่มนายทุน

และด้วยเหตุผลเช่นเดียวกัน จึงไม่มีรัฐสังคมนิยมใดมีความสนใจแม้แต่น้อย ในอันจะเหนี่ยวรั้งให้ประเทศล้าหลังคงขดอยู่ในความล้าหลังต่อไป ตรงกันข้าม หากว่าประเทศได้คลี่คลายขยายตัวออกไปทางอุตสาหกรรมและวัฒนธรรม และการคลี่คลายนั้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นเพียงใด ก็จะกลับเป็นผลดีแก่ประเทศสังคมนิยมทั่วไปเพียงนั้น จะทำให้มาตรฐานการครองชีพของมนุษย์ทั่วโลกได้เขยิบสูงขึ้น จะทำให้ชีวิตมีความรื่นรมย์ยิ่งขึ้น

เพราะฉะนั้นบรรดารัฐสังคมนิยมที่ได้ถูกสถาปนาขึ้นแล้วในอดีตและที่จะถูกสถาปนาขึ้นใหม่ในอนาคต จึงมีแต่จะเข้าช่วยเหลือประเทศที่ล้าหลังให้มีโอกาสจำเริญตัวเอง มิใช่คอยเหนี่ยวรั้ง และแน่นอนทีเดียว ประเทศสังคมนิยมย่อมจะไม่ฉวยโอกาสถลุงเงินและขูดรีดประเทศที่ล้าหลัง ไม่ว่าในทางใดๆ และกรณีใดๆ

ในโลกที่ใช้ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมอย่างทั่วถึง ความก้าวหน้าต่อไปที่มนุษย์อาจบันดาลให้เกิดขึ้นได้นั้น จะทำให้สิ่งที่เป็นจินตนาการในสังคมพระศรีอาริย์ สังคมคอมมิวนิสต์ สังคมมะฮะดีเป็นความจริงขึ้นมาได้ เมื่อทุกประเทศได้วางแผนกิจการในด้านเศรษฐกิจไว้ทั้งหมด และโลกซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างแท้จริง จะได้วางแผนโดยการประสานแผนการเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเข้าด้วยกัน และเมื่อมีการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในทางวิทยาศาสตร์รวมทั้งการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ในทางเครื่องจักรกลก็จะได้นำออกเปิดเผยให้ได้เรียนรู้กันในระหว่างประเทศทั่วโลก และเมื่อได้แลกเปลี่ยนความสำเร็จในงานด้านวัฒนธรรมทุกแบบแก่กันและกันโดยทั่วถึงแล้ว ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยของมนุษย์จริงๆ ที่จะแสดงความก้าวหน้าอันเป็นก้าวยาวเหยียดให้เห็นประจักษ์ได้อย่างแท้จริง

และด้วยการสถาปนาสังคมนิยมอันสมบูรณ์แบบให้ปรกแผ่ไปทั่วโลก บทบาทอันยืดเยื้อในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ อันว่าด้วยการแบ่งชนชั้นของมนุษย์และการต่อสู้ทางชนชั้นก็จะได้ถึงกาลอวสานลงเสียที และก็จะไม่มีการแบ่งมนุษย์ออกเป็นชนชั้นโดยการแบ่งแยกอย่างใหม่อีกต่อไป

ทั้งนี้เพราะสังคมนิยมสมบูรณ์แบบนั้น จะไม่มีธาตุที่จะอนุกูลให้มีการแบ่งชนชั้นเหลืออยู่ การแบ่งมนุษย์ออกเป็นชนชั้นในสมัยที่ความสามารถของมนุษย์ในการผลิตชีวปัจจัยยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ไดยังประโยชน์ให้แก่ผู้ก่อตั้งกิจการเจ้าของเครื่องมือและอุปกรณ์การผลิต นับแต่สงครามครองทาส สังคมศักดินา และสังคมทุนนิยม และภายใต้สังคมทุนนิยม การแบ่งชนชั้น ได้ช่วยให้การผลิตได้รวมกันเข้าเป็นกลุ่มใหญ่ และได้ช่วยให้เกิดความจำเริญก้าวหน้ามหาศาลในทางเทคนิค

แต่หากเมื่อความก้าวหน้าได้ดำเนินมาถึงขั้นทีมนุษย์ได้มีเครื่องมือและวิธีเพิ่มกำลังผลิตให้สูงขึ้นอย่างมหาศาล จนกระทั่งว่าประชาชนอาจจะทำงานเพียงวันละ ๒ ชั่วโมง ก็เป็นการเพียงพอที่จะผลิตสิ่งของเครื่องใช้ได้เพียงพอแก่การครองชีพแล้ว การแบ่งชนชั้นในสังคมมนุษย์ก็ควรแก่การยุติลงได้และก็จะต้องจัดให้ยุติลง

สืบแต่นั้นไป มนุษย์ก็จะกลับเข้าสู่การต่อสู้ใหม่กับธรรมชาติซึ่งความได้เปรียบได้ตกแก่มนุษย์แล้ว มนุษย์จะไม่ต้องพยายามต่อสู้เอาชนะธรรมชาติด้วยการใช้เวทมนต์คาถาอันคร่ำครึอีกต่อไป มนุษย์จะไม่ต้องใช้คำสวดอ้อนวอนเพื่อกำจัดปัดเป่าภยันตรายจากธรรมชาติอีกต่อไป มนุษย์จะไม่ต้องเดินเปะปะอย่างคนตาบอดไปตามหนทางที่ฝ่าไปในการต่อสู้ระหว่างชนชั้นและสงครามอีกต่อไป

แต่จะเดินไปด้วยความเชื่อตัวเอง ด้วยความมั่นใจในอำนาจของเขาที่จะควบคุมพลังธรรมชาติไว้ได้ และจะเดินก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และเมื่อนั้นสวรรค์บนพื้นพิภพก็จะปรากฏขึ้นอย่างเที่ยงแท้แน่นอน และนี่คือ สังคมคอมมิวนิสต์ หรือสังคมพระศรีอาริย์ตามความฝันของชาวพุทธ หรือสังคมมะฮะดีตามความฝันของชาวมุสลิม.

No comments: