Wednesday, March 12, 2008

บทความที่๓๕๘.พบถิ่นอินเดีย-ชาตินิยมและสากลนิยม

บันทึกของเนห์รู
(เรียบเรียงจาก The Discovery of India ของยวาหระลาล เนห์รู , กรุณา กุศลาสัย แปล)
บันทึกในที่คุมขังป้อมอะหะหมัดนคร
๘. ชาตินิยมและสากลนิยม

โดยประการฉะนี้ ปฏิกิริยาที่ข้าพเจ้ามีต่อประเทศอินเดียจึงคลุกเคล้าไปด้วยอารมณ์ มีเงื่อนไขและถูกจำกัดอยู่ในลักษณะหลายประการ ปฏิกิริยานี้ได้ก่อร่างเป็นความรู้สึกทางชาตินิยมขึ้น ในกรณีของคนจำนวนไม่น้อย ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดเงื่อนไขและการจำกัดเช่นนี้ไม่มี อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกทางชาตินิยมเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในอินเดียในยุคที่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่

มันเป็นการเติบโตที่เป็นไปตามธรรมชาติและเป็นนิมิตดี สำหรับประเทศที่ตกไปเป็นอาณานิคมของชาติอื่น อิสรภาพแห่งชาติเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนที่มาในอันดับแรกและมีอำนาจสูงสุด ยิ่งสำหรับอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีความรู้สึกอย่างแรงในความเป็นเอกเทศของตน มีมรดกทอดมาแต่โบราณกาลด้วยแล้ว ความรู้สึกกระตุ้นเตือนเช่นนี้ต้องนับมีอยู่เป็นทวีคูณ

พฤติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในเร็วๆ นี้ แสดงให้เห็นว่าทรรศนะที่ว่า ชาตินิยมกำลังสลายตัวลงในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสากลนิยมและการเคลื่อนไหวของชนชั้นกรรมาชีพนั้น มีมูลความจริงอยู่น้อยเหลือเกิน ชาตินิยมยังเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนที่มีพลังมากที่สุดชนิดหนึ่งซึ่งสามารถผลักดันประชาชนได้ ชาตินิยมเป็นศูนย์กลางที่เกาะรวมของอารมณ์อันละเอียดอ่อน ของขนบธรรมเนียมประเพณี และของความตระหนักในการมีชีวิตอยู่ร่วมกันและมีวัตถุประสงค์เหมือนกัน ในขณะที่ปัญญาชนในสังคมชั้นกลางค่อยๆ ถอนตนออกห่างจากชาตินิยม หรืออย่างน้อยก็เท่าที่เขาคิดว่าเขากำลังทำเช่นนั้น การเคลื่อนไหวของคนงานและชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งยึดสากลนิยมเป็นหลัก ก็ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยเข้าสู่ชาตินิยม การมาของสงครามได้กวาดทุกผู้ทุกคนในทุกหนแห่งให้ตกอยู่ในร่างแหแห่งชาตินิยม

การปรากฏตัวขึ้นใหม่ของชาตินิยม หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การค้นพบมันใหม่และการตระหนักถึงความสำคัญอันทรงพลังยิ่งของมัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาใหม่และได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างของปัญหาเก่า ประเพณีที่ยึดมั่นเชื่อถือมาแต่โบราณกาลนั้นจะทอดทิ้งหรือละเว้นกันง่ายๆ ไม่ได้

ในยามวิกฤต ประเพณี้เช่นนี้มักจะปรากฏตัวขึ้นและมีอำนาจเหนือจิตใจ มีบ่อยครั้ง เท่าที่เราประสบพบเห็นมา ได้มีการพยายามโดยเจาะจงที่จะใช้ประเพณีเหล่านี้ปลุกใจประชาชนให้เข้าสู่การกระทำและการเสียสละอันสูงส่ง โดยส่วนใหญ่แล้วจำเป็นที่เราจะต้องรับไว้ซึ่งธรรมเนียมประเพณีอันมีมาแต่โบราณกาลแล้วค่อยๆ ปรับปรุงและแก้ไขให้มันเข้ากันได้กับสภาพและแนวความคิดนึกใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย

อุดมการณ์แห่งชาตินิยมนั้นลึกซึ้งและทรงพลังยิ่ง มันมิใช่เป็นเรื่องของอดีตอันไม่มีความสำคัญเกี่ยวพันกับอนาคต แต่ก็มีอุดมการณ์อื่นเกิดขึ้น ซึ่งมีพื้นฐานมั่นคงอยู่บนข้อเท็จจริงอันจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกปัจจุบัน เช่น อุดมการณ์แห่งสากลนิยมและอุดมการณ์ของชนชั้นกรรมาชีพ


จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการผสมผสานกันระหว่างนานาอุดมการณ์เหล่านี้ ถ้าหากเราปรารถนาความสงบศานติในโลก และต้องการให้การต่อสู้ขัดแย้งได้ลดน้อยลง เราจะต้องยอมรับกันว่า ความรู้สึกทางชาตินิยมนั้นมีอำนาจเรียกร้องอย่างถาวรต่อจิตใจของมนุษย์ เราต้องยอมรับมันไว้และนำมันไปใช้ แต่เราจำต้องจำกัดอำนาจของความรู้สึกเช่นนี้ให้อยู่ในขอบเขตที่คู่ควรกว่าเดิม

หากความรู้สึกทางชาตินิยมยังมีอิทธิพลกว้างขวางไปทั่วโลกเช่นนี้ แม้แตในประเทศบรรดาที่ได้รับผลสะท้อนอย่างแรงจากความคิดนึกใหม่ๆ และพลังระหว่างชาติ ความรู้สึกทางชาตินิยมจะมีอิทธิพลเหนือจิตใจของอินเดียมากมายสักแค่ไหน บางครั้งบางคราวเราได้รับการบอกเล่าว่า ชาตินิยมเป็นสัญลักษณ์แห่งความล้าหลัง แม้การเรียกร้องเพื่ออิสรภาพของเราก็เป็นการแสดงออกมาซึ่งความเป็นผู้มีใจแคบ ผู้ที่พูดกับเราเช่นนั้นคงจะคิดว่าสากลนิยมอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรายอมตนอยู่ในจักรวรรดิอังกฤษหรือในเครือจักรภพบริติชในฐานะผู้มีส่วนร่วมอย่างรองๆ ลงมา ดูเหมือนเขาเหล่านี้จะไม่ตระหนักว่า สิ่งที่เรียกกันว่าสากลนิยมชนิดนี้นั้น เป็นเพียงการขยายตัวออกมาของชาตินิยมที่แคบๆของอังกฤษ ซึ่งจะไม่มีวันเป็นที่สบอารมณ์แก่พวกเราเลย ถึงแม้ว่าปรากฏการณ์ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในประวัติศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษอินเดียจะมิได้ทำลายท่าทีอันอาจจะเป็นไปได้ในทำนองนี้ ไปเสียจากจิตใจของเราโดยสิ้นเชิงก็ตาม อย่างไรก็ดี แม้จะมีความรู้สึกทางชาตินิยมอย่างแรงกล้า อินเดียก็ได้ก้าวไปไกลกว่าหลายประเทศในการยอมรับเอาไว้ซึ่งสากลนิยมอย่างแท้จริงและยอมรับว่าเสรีประเทศทุกประเทศควรร่วมมือแก่องค์การโลกและแม้แต่ควรยอมตนให้อยู่ใต้อาณัติขององค์การดังกล่าวนี้ภายใต้ขอบเขตบางประการ

No comments: