Wednesday, March 19, 2008

บทความที่๓๖๖.ระลึกถึงคุณเฉียบ อัมพุนันทน์(๔)

ระลึกถึงคุณเฉียบ อัมพุนันทน์
โดยปรีดี พนมยงค์



นอกจากปัญหาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยแล้ว ชนรุ่นหลังที่ต้องการศึกษาถึงแนวทางการปฏิบัติขององค์การที่อยู่นอกขบวนการเสรีไทยและแนวทางของขบวนการเสรีไทยก็ควรสอบถามผู้อ้างว่าองค์การนั้นๆ มีแนวทางอย่างไรที่จะนำไปสู่ปัญหาสำคัญ ๒ ประการ คือ

ประการที่ ๑ ข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่ารัฐบาลไทยภายใต้จอมพลพิบูลฯได้ประกาศสงครามกับบริเตนใหญ่และสหรัฐอเมริกาและได้ก่อสถานะสงครามกับประเทศจีน โดยส่งกองทหารไปขับไล่ทหารจีนในรัฐฉาน กับส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดในมณฑลยุนนานใต้ อีกทั้งได้รับรองรัฐบาลมานจูกัวะ กับรับรองรัฐบาลจีนภายใต้หวังจิงไว

ในการนั้นรัฐบาลได้ประกาศเปิดเผยถึงสถานะสงครามเกิดขึ้นระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย ยิ่งกว่านั้นคณะกรรมการฝรั่งเศสเสรี ได้แถลงไม่รับรองการที่รัฐบาลของจอมพลเปแตง ได้ตกลงโอนดินแดนพระตะบองให้แก่ไทยโดยญี่ปุ่นเป็นผู้บีบบังคับและถือว่าสถานะสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับไทยยังคงมีอยู่ นับตั้งแต่รัฐบาลโซเวียตถือว่าเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา,อังกฤษ,จีน

การนำมวลราษฎรไทยต่อสู้ญี่ปุ่นนั้น องค์การนำจะต้องนึกถึงความรับผิดชอบต่อมวลราษฎรว่า ถ้ามิได้จัดตั้งเป็นขบวนการให้สัมพันธมิตรรับรองแล้ว เพียงแต่การทำวินาศกรรมอย่างเดียวจะเป็นการทำให้สัมพันธมิตรยอมเลิกสถานะสงครามและรับรองความเป็นเอกราชของประเทศไทยหรือไม่ ชนรุ่นหลังที่ใช้สติปัญญาตามสามัญสำนึกอันเป็นตรรกวิทยาเบื้องต้นของมนุษยชาติ ก็ย่อมเห็นได้ว่า การนำมวลราษฎรต่อสู้ญี่ปุ่นผู้รุกรานนั้นมิใช่จะทำเพียงลอบยิงทหารญี่ปุ่นเหมือนการเล่นล่าสัตว์ ขบวนการเสรีไทยจึงมีแนวทางการเมืองโดยทำการตกลงกับรัฐบาลอังกฤษ,สหรัฐอเมริกาและจีน ให้รับรองขบวนการเสรีไทยว่าเป็นองค์การแทนปวงชนไทย และให้สัมพันธมิตรรับรองความเป็นเอกราชของประเทศไทย มิฉะนั้นสัมพันธมิตรชาติใดจะยอมเลิกสถานะสงครามกับไทย โดยมีองค์การนำมวลราษฎรที่สัมพันธมิตรไม่รับรอง

ประการที่ ๒ เกี่ยวกับวินัยในการทำสงครามร่วมกันกับสัมพันธมิตรนั้น ชนรุ่นหลังที่ใช้สามัญสำนึกก็อาจเข้าใจได้ว่า สัมพันธมิตรย่อมมีแผนยุทธศาสตร์ร่วมกัน กองบัญชาการสูงสุดแต่ละเขตก็ต้องดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์ใหญ่เพื่อให้การรบสมานกันโดยมิใช่ต่างเขตต่างทำการเป็นอิสระ เพราะถ้ากองบัญชาการแห่งหนึ่งทำการรบสุดแท้แต่ตนเห็นสมควรแล้ว ก็อาจทำการล้ำหน้าหรือล่าช้ากว่าที่แผนยุทธศาสตร์กำหนดไว้ ซึ่งจะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ได้

เมื่อกองบัญชาการแต่ละเขตรับแผนยุทธศาสตร์ใหญ่มาแล้ว ก็สามารถวางแผนยุทธศาสตร์ย่อยของแต่ละเขตและภายในเขตก็มอบหมายการงานให้หน่วยต่างๆ เป็นรายๆไป ซึ่งแต่ละหน่วยก็ต้องอยู่ในวินัยที่จะไม่ทำการใดๆที่ล้ำหน้าหรือล้าหลัง แม้ข้าพเจ้าได้แจ้งไปยังกองบัญชาการสัมพันธมิตรว่า ขบวนการเสรีไทยพร้อมที่จะลุกขึ้นต่อสู้ญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยแล้ว แต่สัมพันธมิตรก็ได้ทัดทานไว้ว่า ให้รอเมื่อถึงโอกาสที่จะแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบเช่นหน่วยเสรีไทยที่ชุมพรและคอคอดกระ ที่รับมอบหมายหน้าที่ดังกล่าวแล้วนั้น ถ้าฝืนลงมือทำการต่อสู้ญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยก่อนถึงโอกาสที่สัมพันธมิตรแจ้งมาแล้ว ก็จะทำให้แผนการของสัมพันธมิตรที่จะยกพลขึ้นที่ชายฝั่งไทยตอนใต้ต้องเสียหมด

ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าองค์ใดที่อยู่นอกขบวนการเสรีไทยได้รับคำสั่งจากสัมพันธมิตรอื่นใดที่ไม่รักษาวินัย ซึ่งตกลงระหว่างสัมพันธมิตรด้วยกัน ชนรุ่นหลังย่อมเห็นว่า ไม่มีสัมพันธมิตรชาติใดที่จะละเมิดวินัยเพียงขั้นต่ำดังกล่าวมานี้

No comments: