Wednesday, March 12, 2008

บทความที่๓๕๖.บันทึกของเนห์รู-ปฏิเสธคำเชิญมุสโสลินี

บันทึกของเนห์รู
(เรียบเรียงจาก The Discovery of India ของยวาหระลาล เนห์รู , กรุณา กุศลาสัย แปล)
ที่คุมขังป้อมอะหะหมัดนคร ค.ศ. ๑๙๔๔
๖.ปฏิเสธคำเชื้อเชิญของมุสโสลินี


ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.๑๙๓๖ เนห์รูและภรรยา พร้อมทั้งบุตรี-อินทิรา คานธี พำนักอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และเมื่อล่วงเข้าเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น ภรรยาของเขาคือกมลา ก็สิ้นชีวิตลงจากการเจ็บป่วย บันทึกของเขา เขียนไว้ว่า

กมลาได้สิ้นลมปราณในตอนเช้าตรู่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ อินทิราก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นเดียวกับนายแพทย์ เอ็ม อตัล มิตรผู้ซื่อสัตย์และสหายที่ใกล้ชิดของเราในระยะเวลาหลายเดือนที่ได้ผ่านมา

มีมิตรสหายบางคนจากเมืองใกล้ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ได้มาสมทบกับเรา แล้วเราก็นำศพของกมลาไปจัดการฌาปนสถานในเมืองโลซาน ภายในเวลาไม่กี่นาที ร่างอันงดงามและใบหน้าอันน่ารัก ใบหน้าที่เคยยิ้มละไมอยู่บ่อยครั้ง และอย่างหวานชื่นนั้น ก็กลายเป็นเถ้าถ่าน โกศเล็กๆ ได้บรรจุไว้ซึ่งเศษซากอันเป็นอนิจจังของผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยกำลังวังชา ความสดใสร่าเริง และมีชีวิตชีวา

พันธะที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องอยู่ในโลซานและยุโรปได้สิ้นสุดลงแล้ว บัดนี้ไม่มีความจำเป็นที่ข้าพเจ้าจะต้องอยู่ที่นั่นอีกต่อไป แท้จริงแล้วสิ่งอื่นๆ ภายในของข้าพเจ้าก็ได้สลายตัวลงไปด้วย ซึ่งข้าพเจ้าเพิ่งจะค่อยๆ ตระหนักได้ในภายหลัง เนื่องจากระยะนั้นเป็นเวลาที่เต็มไปด้วยความมืดมนสำหรับข้าพเจ้า และจิตใจของข้าพเจ้าก็ไม่สามารถจะทำงานได้อย่างปกติ อินทิราและข้าพเจ้าได้ไปที่ Montreux เพื่อพักผ่อนด้วยกันอย่างเงียบๆ เป็นเวลา ๒-๓ วัน

ระหว่างที่ข้าพเจ้าพักผ่อนอยู่ที่ Montreux กงสุลอิตาลีประจำเมืองโลซานได้มาเยี่ยมข้าพเจ้า เพื่อแสดงความเสียใจของซินญอร์มุสโสลินีในการสูญเสียของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าค่อนข้างจะประหลาดใจ เพราะไม่เคยพบปะกับซินญอร์มุสโสลินี หรือมีความสัมพันธ์อย่างอื่นใดกับเขาเลย ข้าพเจ้าได้ขอร้องให้กงสุลอิตาลีนั้น ส่งความขอบคุณของข้าพเจ้าไปยังเขาด้วย

หลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เพื่อนคนหนึ่งในกรุงโรมได้เขียนจดหมายถึงข้าพเจ้าบอกว่า ซินญอร์มุสโสลินีอยากจะพบกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ตอบเขาไปว่า ขณะนั้นข้าพเจ้าไม่มีกิจธุระที่จะต้องไปยังกรุงโรม ต่อมาขณะที่ข้าพเจ้ากำลังคิดจะกลับประเทศอินเดียโดยเครื่องบิน เพื่อนผู้นั้นก็ได้ย้ำข่าวนั้นให้ข้าพเจ้าทราบอีก พร้อมทั้งแสดงความกระตือรือร้นและขอร้องให้ข้าพเจ้าปฏิบัติตาม ข้าพเจ้าอยากจะหลีกเลี่ยงการพบปะเช่นนี้ แต่ก็อยากจะแสดงท่าทีไม่สุภาพ ในยามปกติแล้ว ข้าพเจ้าอาจจะระงับความไม่อยากพบปะกับเขาได้ เพราะข้าพเจ้าเองก็สนใจที่จะทราบว่า ดูเช่(ดูเช่ ภาษาอิตาลี แปลว่า ผู้นำ)เป็นคนอย่างไร แต่สงครามอบิสซิเนียกำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้น การพบปะระหว่างข้าพเจ้ากับเขาอาจจะก่อให้เกิดการวิจารณ์ไปในทำนองต่างๆ ได้ และอาจจะถูกนำไปใช้เพื่อการโฆษณาของฝ่ายฟาสซิสม์ หากเป็นเช่นนั้นขึ้น แม้ข้าพเจ้าจะปฏิเสธสักเท่าไรก็คงไม่เกิดผลนัก ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงกรณีที่ได้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้หลายกรณี อันเกี่ยวกับการไปใช้ในการโฆษณาของฝ่ายฟาสซิสม์ทั้งๆ ที่ชาวอินเดียเหล่านั้นก็ไม่ปรารถนาที่จะให้เป็นเช่นนั้น และบางครั้งเจ้าตัวเองก็ไม่รู้ไม่เห็นเสียด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เก๊ๆ กับนายคานธี ซึ่งหนังสือพิมพ์ Giornale d’ Italia ได้นำลงพิมพ์โฆษณาเมื่อ ค.ศ.๑๙๓๑

เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงแสดงความเสียใจไปยังเพื่อนของข้าพเจ้าผู้นั้น และต่อมาก็ได้เขียนจดหมายและโทรศัพท์ไปยังเขาอีก เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดอันอาจเกิดขึ้นได้ พฤติการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก่อนที่กมลาจะถึงแก่กรรม หลังจากมรณกรรมของเธอแล้ว ข้าพเจ้าได้ส่งข่าวไปให้เพื่อนผู้นั้นทราบอีกว่า นอกจากเหตุผลอื่นๆ แล้ว ข้าพเจ้ายังไม่มีจิตใจที่จะพบปะกับใครในเวลานั้นได้อีกด้วย

การที่ข้าพเจ้าต้องย้ำหนักในเรื่องปฏิเสธเช่นนี้ ก็เพราะว่าข้าพเจ้าต้องผ่านกรุงโรมโดยเครื่องบิน เค แอล เอ็ม และต้องค้างคืนที่นั่น ข้าพเจ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านและแวะค้างคืนเช่นนั้นได้

หลังจากได้พักผ่อนที่ Montreux เป็นเวลาเล็กน้อย ข้าพเจ้าได้เดินทางไปยังนครเยเนวาและมาร์แชลล์ จากมาร์แชลล์ข้าพเจ้าขึ้นเครื่องบินเค แอล เอ็ม กลับมาสู่ตะวันออก เมื่อถึงกรุงโรมในตอนบ่ายมากแล้วของวันนั้น ข้าพเจ้าได้พบกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของอิตาลี ผู้นำหนังสือจากเลขานุการของซินญอร์มุสโสลินีมาให้ข้าพเจ้า หนังสือนั้นมีใจความว่า ท่านดูเช่มีความยินดีที่จะพบกันข้าพเจ้า และได้กำหนดเวลาพบไว้แล้วในตอนเย็นของวันนั้นคือเวลา ๑๘.๐๐ น. ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจและได้เตือนให้เขาทราบถึงคำปฏิเสธของข้าพเจ้าที่มีมาให้ทราบล่วงหน้าแล้ว เขาตอบว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากไม่มีการพบปะระหว่างข้าพเจ้ากับท่านดูเช่แล้ว ก็น่ากลัวว่าเขาจะต้องถูกไล่ออกจากตำแหน่งแน่ เขาขอให้ความมั่นใจแก่ข้าพเจ้าว่า จะไม่มีการลงพิมพ์ข่าวในหน้าหนังกระดาษหนังสือพิมพ์ และข้าพเจ้าก็จะเสียเวลาพบปะกับท่านดูเช่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ท่านดูเช่ต้องการเพียงสัมผัสมือกับข้าพเจ้าและแสดงความเสียใจโดยตนเองในการที่ข้าพเจ้าต้องสูญเสียภรรยา

เราทั้งสองต่างแสดงเหตุผลแก่กันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม ด้วยความสุภาพด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ดูเหมือนความหนักหน่วงจะทวีขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นชั่วโมงที่สร้างความเหนื่อยอ่อนให้แก่ข้าพเจ้าอย่างที่สุด และคงจะเหนื่อยอ่อนยิ่งไปกว่านั้นสำหรับฝ่ายตรงข้าม ในที่สุดเวลาที่ได้กำหนดไว้ก็มาถึงในระหว่างที่เรายังเจรจากันไม่เสร็จ ข้าพเจ้าจึงรอดตัวมาได้สมดั่งปรารถนา ครั้นแล้ว ข้ารัฐการผู้นั้นก็ได้โทรศัพท์แจ้งไปยังทำเนียบของดูเช่ว่า ข้าพเจ้าไม่สามารถจะมาได้

เย็นวันนั้น ข้าพเจ้าได้มีหนังสือไปถึงซินญอร์มุสโสลินีแสดงความเสียใจที่ไม่สามารถไปพบกับเขาได้ ตามคำเชื้อเชิญอันเต็มไปด้วยไมตรีจิตในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าก็ขอบคุณเขาที่ได้ส่งสารแสดงความเสียใจไปยังข้าพเจ้าเนื่องในมรณกรรมของกมลา

ข้าพเจ้าได้ออกเดินทางต่อ ที่ไคโรได้มีมิตรสหายเก่าๆ มาคอยพบ ต่อจากนั้น เครื่องบินก็รุดหน้าสู่ทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น โดยบินผ่านทะเลทรายเอเชียตะวันตก เท่าที่ผ่านมาแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ ตลอดจนการเตรียมการเดินทาง ได้ครอบงำจิตใจของข้าพเจ้าไว้ทั้งหมด แต่หลังจากออกไคโรแล้ว ขณะที่เครื่องบินบินอยู่ในท้องฟ้าเหนืออาณาบริเวณทะเลทรายอันอ้างว้างเป็นเวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่านั้น ความเปล่าเปลี่ยวอย่างน่ากลัวได้เข้าสิงจิตใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดายไร้จุดหมาย ข้าพเจ้ากำลังกลับบ้านคนเดียว บ้านซึ่งมิใช่เป็นบ้านอีกต่อไปแล้วสำหรับข้าพเจ้า ข้างๆ ตัวข้าพเจ้ามีตะกร้าอยู่ลูกหนึ่ง ในตะกร้าลูกนั้นบรรจุโกศไว้ สิ่งทั้งหมดที่เหลืออยู่ของกมลา ความฝันอันสดใสใดๆ ของเราได้สลายตัวลงเสียแล้ว และได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปจนหมดสิ้น ไม่มีกมลาอีกต่อไปแล้ว จิตใจของข้าพเจ้าพร่ำคร่ำครวญอยู่แต่ประโยคนี้

เมื่อเราถึงการาจี ได้พบกลุ่มชนและหน้าตาที่คุ้นเคยมากหลาย จากนั้นเราก็มุ่งสู่เมืองอัลลาบาด นครซึ่งเราได้นำโกศอันล้ำค่านั้นไปยังแม่น้ำคงคาที่ไหลเชี่ยว แล้วเราก็เทเถ้าถ่านจากโกศนั้นลงในชโลทร อันแสนประเสริฐ บรรพบุรุษของเรากี่ชั่วคนมาแล้วที่แม่พระคงคาได้พาออกสู่ท้องทะเลลึกโดยประการฉะนี้ และอนุชนผู้จะติดตามเรามาอีกกี่ชั่วคนเล่า ที่จะต้องมีการเดินทางครั้งสุดท้ายในอ้อมอกของแม่พระคงคาเช่นเดียวกับพวกเราฉะนี้?

No comments: