Friday, February 9, 2007

บทความที่ ๔. ศ.ดร. กนต์ธีร์ ศุภมงคล กับการเป็นเสรีไทย

สัมภาษณ์ ศ.ดร. กนต์ธีร์ ศุภมงคล อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน

สารคดี ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ ท่านทำหน้าที่อะไรบ้าง

ดร. กนต์ธีร์ อาจารย์ปรีดีเป็นหัวหน้าเสรีไทย ผมเป็นหัวหน้ากองการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ ตอนนั้นอเมริกาลักลอบส่งตัวแทนเข้ามาประจำในไทย ผมทำหน้าที่อยู่ระหว่างผู้สำเร็จราชการฯ กับตัวแทนของอเมริกัน คือท่านต้องการอะไร ผมก็ไปบอกให้ทางนั้นทราบ ตอนนั้นปิดลับมาก ผมได้รถเก่ามาใช้คันหนึ่ง ทำหน้าที่รับส่งพวกอเมริกันไปประชุมกัน

สารคดี ตอนนั้นต้องปลอมตัวตลอด ?

ดร.กนต์ธีร์ ก็ไม่ได้ปลอมตัว ฝรั่งแอบอยู่ในบ้าน ออกมาข้างนอกเฉพาะตอนกลางคืน ตอนนั้นอเมริกันอยู่ที่บ้านถนนพระอาทิตย์ แม่ค้าที่บางลำภูก็พูดกันว่า แหมไอ้นายฝรั่งกินกันมากเหลือเกิน คนก็ไปรายงานท่านปรีดี ท่านบอกตายแล้ว ความปลอดภัยไม่มีแล้ว แม่ค้ายังรู้ว่ามีฝรั่งอยู่ ก็สั่งลูกน้องไปแก้ปัญหา สองสามวันต่อมาลูกน้องก็มารายงานว่าแก้ปัญหาแล้ว คือไปหาคนใบ้มาเป็นคนใช้แทน ฝรั่งชอบ ซักเสื้อผ้าให้ฝรั่งหมดเลย หาอาหารให้กิน แต่ไม่ปากมาก พูดไม่ได้

สารคดี อาจารย์ปรีดีส่งท่านเป็นทูตไปเจรจากับพันธมิตรช่วงสงครามโลก

ดร.กนต์ธีร์ คือท่านเป็นห่วงว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร ในที่สุดสงครามเลิกเมื่อไหร่ เราจะกลายเป็นอยู่ข้างญี่ปุ่น เป็นฝ่ายแพ้ เพราะรัฐบาลไปประกาศสงครามกับอังกฤษและอเมริกาไว้ แม้ว่าอเมริกาไม่ถือเราเป็นศัตรู เขาถือว่าเราเป็นประเทศที่ถูกศัตรูยึดครอง แต่อังกฤษถือว่าเราเป็นศัตรู เราไปประกาศสงครามกับเขา เขาก็ประกาศสงครามตอบ นอกจากประกาศสงครามตอบยังไปดึงแคนาดา อินเดีย แอฟริกาใต้ มาประกาศสงครามกับเราด้วย และที่ผ่านมาอังกฤษไม่ยอมเปิดเผยท่าทีว่าจะเอายังไงกับเรา ตอนนั้นก็มีข่าวว่าพวกอังกฤษบอกทำนองว่า เมืองไทยนี่ต้องปราบปรามให้เข็ดหลาบ ต้องยึดประเทศ ต้องปลดอาวุธให้หมด ท่านปรีดีให้ผมลักลอบออกจากเมืองไทยไปเจรจาที่อเมริกา ผมไม่มีครอบครัว มีแม่คนเดียว ท่านให้ผมไปค้างที่ทำเนียบ คืนนั้นทั้งคืนพูดเรื่องภารกิจของผมคือไปเจรจากับอเมริกาให้ช่วยพูดกับอังกฤษ ผมเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินที่นำผู้แทนทหารของอเมริกันชุดแรกมาลงที่เกาะกระดาษ แถวนั้นไม่มีญี่ปุ่น ขากลับก็รับผมไปด้วย เป็นการเดินทางครั้งแรกของผม หนังสือเดินทางก็ไม่มี ไปตัวเปล่า คนเดียว ผมบอกแม่ว่าจะไปพักผ่อนต่างจังหวัด ตอนนั้นไปก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า ขึ้นเรือบินก็สวดมนต์ขอให้พระคุ้มครอง

ผมไปอยู่ที่อเมริกาสามเดือนฝ่ายสัมพันธมิตร กำลังประชุมอยู่ที่ซานฟานซิสโกเพื่อจัดตั้งสหประชาชาติ ผู้ที่มาร่วมประชุมได้ต้องเป็นผู้ที่ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ ท่านปรีดีสั่งให้ผมไปบอกทางอเมริกาว่าเราพร้อมจะประกาศสงครามกับอักษะ กับญี่ปุ่น เพื่อจะได้ไปประชุม แต่ทางอเมริการไม่ยอม บอกไม่พร้อมที่จะมาแตกหักกับญี่ปุ่นในบ้านเรา กลัวญี่ปุ่นยึดประเทศไทย ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าสหรัฐฯ มีระเบิดปรมาณู แม็กอาเธอร์ยังไม่รู้เลย แม็กอาเธอร์เตรียมกำลังเรือรบ ๕ หมื่นลำจะบุกเข้าเกาะญี่ปุ่น คอยให้ทรูแมนอนุมัติ ทรูแมนก็ไม่สั่ง พอทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา ญี่ปุ่นยอมแพ้เลย เผอิญเราไปบอกว่าเราพร้อมจะประกาศสงครามกับญี่ปุ่น เราก็เลยรอดตัวไป ถ้าไม่พูดอาจจะโดน

สารคดี ช่วงที่ไปเจรจากับสหรัฐฯนั้น ได้มีพันธสัญญาอะไรกับพันธมิตรหรือไม่

ดร.กนต์ธีร์ ตอนสงครามผมหายไปตั้งสามเดือน ญี่ปุ่นก็เริ่มถามว่าอยู่ดีๆ ผมหายไปไหน เพราะตอนที่ผมอยู่ในกระทรวง พวกญี่ปุ่นมาพบเรื่อย ท่านก็เลยสั่งให้รีบกลับ ผมก็ไปหาพวกอเมริกัน บอกผมมาสามเดือนแล้วยังไม่ได้อะไร อังกฤษก็ยังไม่เปิดเผยท่าที ทำยังไงผมต้องกลับแล้ว อเมริกันก็ไปติดต่ออังกฤษ อังกฤษก็อนุมัติให้ แต่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นแค่วาจาสามข้อ ข้อหนึ่งบอกว่ารัฐบาลอังกฤษมีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวผู้สำเร็จราชการฯ ข้อสอง อังกฤษไม่มีความมุ่งหมายอื่นในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทยมากไปกว่าอเมริกัน ข้อสาม เขาเห็นว่าควรจะได้ทำการติดต่อกับผู้สำเร็จราชการฯ ทางลับๆ นี้ต่อไป เขาอนุญาตให้เราจดไปได้ ก็ค่อยยังชั่ว

สารคดี ทำไมท่านปรีดีกับ ม.ร.ว. เสนีย์ มีความขัดแย้งกัน

ดร. กนต์ธีร์ มีวันหนึ่งผมอยู่ทำเนียบกับท่านเสนีย์ แล้วก็ติดต่อกับผู้สำเร็จราชการฯ อยู่ เป็นสื่อระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้สำเร็จราชการฯ ในวันหนึ่งท่านเสนีย์ซึ่งเป็นอาจารย์ผมที่ธรรมศาสตร์ ท่านก็ถามว่า กนต์ธีร์เวลานี้คุณอยู่ข้างใคร? ผมบอกว่าไม่เป็นปัญหาเลยนี่ ผมจะอยู่ข้างใคร ระหว่างท่านกับท่านปรีดีเกิดปีนเกลียวกัน ผมก็เห็นเหตุผล เพราะตอนนั้นเลิกสงครามใหม่ๆ อังกฤษไม่ยอมติดต่อรัฐบาลไทยเลย ติดต่อกับอาจารย์ปรีดีคนเดียว อาจารย์เสนีย์บอกว่าอาจารย์ปรีดีเชิญท่านเข้ามาเป็นนายกฯ แล้วก็ไม่ทำอะไรเลย ทำเองเสียหมด ผมคิดว่าไม่ใช่ว่าท่านไม่ยอมปล่อย แต่อังกฤษไม่ต้องการให้ปล่อย อะไรๆก็ติดต่อแต่กับท่าน

สารคดี รู้สึกอย่างไรกับชะตากรรมของอาจารย์ปรีดีที่ต้องลี้ภัยทางการเมือง

ดร.กนต์ธีร์ ผมสนิทกับท่าน ผมถึงไม่ยอมเล่นการเมืองเลย ท่านปรีดีทำคุณให้แก่ชาติบ้านเมืองมากมาย ท่านจอมพล ป. ก็ทำคุณประโยชน์แก่บ้านเมือง แต่ท่านทั้งคู่ก็อยู่เมืองไทยไม่ได้ ต้องไปตายเมืองนอก ผมเป็นคนไทย ผมยังอยากอยู่เมืองไทย เพราะงั้นผมคงไม่เล่นหรอกการเมือง ขนาดท่านเป็นผู้สำเร็จราชการ เป็นอะไรต่ออะไร เสร็จแล้วอยู่เมืองเราไม่ได้

วันหนึ่งอาจารย์ปรีดีซึ่งตอนนั้นไม่มีตำแหน่งอะไรแล้ว โทรศัพท์มาตามผมไปพบ บอกว่านายเตียง ศิริขันธ์ มาขอร้องให้ไปช่วยคณะกรรมการประนอมฯ เพื่อพิจารณาปัญหาเรื่องเขตแดนระหว่างไทยกับอินโดจีนที่ประเทศฝรั่งเศส ผมก็เรียนท่านตรงๆ ว่าดินแดนนี้ฝรั่งเศสเอาไป ไม่มีทางจะได้คืนมา ผมเห็นว่าอาจารย์ไม่ควรออกไปมีแต่เสีย อย่างดีก็เสมอตัว แต่ไม่มีทางได้ ผมบอกอาจารย์ก็ทำงานให้แก่บ้านเมืองมามากมายแล้ว ถึงเวลาที่จะพักผ่อนแล้ว แต่รุ่งเช้าท่านตามไปพบอีก บอกว่าท่านคิดดูแล้ว เตียงเขาขอมา ยังไงก็ต้องไปช่วย แต่ท่านบอกว่าท่านสุขภาพไม่ค่อยดี อยากจะเอาแพทย์ประจำตัวท่านไปด้วย แต่ไม่กล้าไปขอท่านนายกฯ ตอนนั้นพวกที่ไปฝรั่งเศสเบิกเบี้ยเลี้ยงได้คนละ ๕๐ เหรียญต่อวัน ท่านก็เลยขอร้องให้ไปผม โดยแบ่งเบี้ยเลี้ยงครึ่งหนึ่งให้หมอของท่าน ผมบอกได้ ท่านก็ดีใจ เขียนไปขออนุมัติ แต่นายกฯไม่อนุมัติ สุดท้ายเลยไม่ได้ไป แต่อาจารย์ปรีดีไป แล้วก็เอาหมอไป ท่านบอกผมว่า เวลาที่จำเป็นจะไปบอกพูนศุข(ภรรยาท่านปรีดี) ให้เอาแหวนบ้างสร้อยบ้างไปขาย เพื่อเอาใช้จ่าย

(จากหนังสือสารคดี เดือนเมษายน ๒๕๔๓ ร้อยปีชาตกาลรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์)

No comments: